
สวัสดีค่า น้องวัยมัธยมหลายๆคนอาจจะกำลังสับสนงุนงงเพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหน วันนี้พี่จึงอยากใช้พื้นที่นี้ในการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคณะและมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบการศึกษามาหมาดๆ นั่นก็คือ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ค่ะ วินาทีที่ก้าวออกจากหอประชุมหลังจากรับปริญญาเสร็จ ใจนึงก็โล่งมากๆ แบบว่า จบสักที!! แต่อีกใจนึงก็รู้สึกโหวงมาก ทำเอาคิดถึงสี่ปีที่ผ่านมาเลย เหมือนเพิ่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้าที่นี่ไปไม่นาน 🙂 ช่วงเวลาสี่ปีในรั้วศิลปากรที่พี่เคยแอบคิดว่าต้องผ่านไปช้ามากแน่ๆ มาวันนี้กลับเป็นสี่ปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้หยุดสังเกต เป็นสี่ปีที่มีเรื่องสนุกมาก เศร้ามาก(เวลาอ่านหนังสือไม่ทัน) แล้วก็เป็นบ้ามากในบางครั้ง(55555555) แต่ก็เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจมากๆ เลย

อักษรศาสตร์ไม่ได้เรียนแค่ภาษา
เกริ่นไปไกลมากแล้ว ขอพูดถึงคณะ/สาขา ที่เรียนบ้างดีกว่า อย่างที่บอกไปว่าคณะที่พี่เรียนคือ ‘อักษรศาสตร์’ ซึ่งถ้าดูจากชื่อแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าเป็นคณะที่เรียนภาษาอย่างเดียว (และมีความเชื่อว่าเก่งภาษามาก) ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็มีการเรียนการสอนภาษาต่างๆ จริงๆ นั่นแหละ แต่มันยังมีมากกว่านั้น!! คณะอักษรศาสตร์นอกจากจะมีสาขาทางด้านภาษาอย่างเช่น สาชาวิชาภาษาเยอรมัน สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ฯลฯแล้ว ยังมีสาขาวิชาด้านสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคีต บรรรณารักษ์ ปรัชญาอีกด้วยค่ะ
เรียนประวัติศาสตร์ในอักษรฯ ไม่ได้สอนแค่เรื่องราวในอดีต
สาชาวิชาที่พี่เรียนคือประวัติศาสตร์ ตอนที่ได้รู้ว่าได้เรียนสาขานี้ ก็คิดภาพไม่ออกเหมือนกันว่าการเรียนการสอนจะเป็นอย่างไร คิดแค่ว่ามันคงเหมือนกับการเรียนในห้องเรียนตอนมัธยม เนื้อหาเหมือนๆ เดิมเพราะยังไงก็เป็นเรื่องราวในอดีต แต่พอได้มาเรียนจึงรู้ว่า ไม่เหมือนในห้องเรียนมัธยมเลยสักนิด 5555555 เพราะตอนเรียนประวัติศาสตร์ในชั้นมัธยม เราแค่เรียนว่าเหตุการณ์นี้ในประวัติศาสตร์เป็นยังไง แล้วก็จำไปสอบ แต่พอมาเรียนที่นี่เราจะได้มองประวัติศาสตร์ในมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ศึกษาสาเหตุของการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในประวัติศาสตร์และผลกระทบของมันในแต่ละด้าน ได้มีโอกาสคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนแล้วก็อาจารย์ กลายเป็นการเรียนประวัติศาสตร์ไม่น่าเบื่อเลย (น้องคนไหนสนใจก็เข้ามาเรียนเยอะๆนะคะ อาจารย์ใจดีทุกคนเลย)
วิชาโทภาษาอังกฤษฝึกให้เรียนรู้นอกห้องเรียน 🙂
ถึงเราจะเรียนสาขาวิชาประวัติศาสตร์แต่ก็ไม่ได้เรียนแค่ประวัติศาสตร์อย่างเดียวนะ!! คณะนี้จะมีให้เลือกวิชาเอก-โท โดยจะกำหนดเกณฑ์เข้ารับของแต่ละสาขา โดยวิชาเอกของพี่ก็คือประวัติศาสตร์ ส่วนวิชาโทคือภาษาอังกฤษ พูดถึงตัวเอกไปแล้วก็ขอพูดถึงตัวโทบ้าง สาขาวิชาภาษาอังกฤษก็มีวิชาให้เราเลือกเรียนเหมือนกับสาขาอื่นๆ มีทั้งวิชาที่ช่วยฝึกการฟัง พูด อ่าน เขียน แปล แล้วก็ยังมีวิชาที่เรียนเกี่ยวกับวรรณกรรม/นวนิยาย/เรื่องสั้นภาษาอังกฤษ โดยเราก็ได้เรียนเกี่ยวกับ หลักการเขียนที่ใช้ในเรื่อง ภาพสะท้อนและสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ ประมาณนี้ ดูเหมือนจะยากแต่ก็ยากจริงๆ นั่นแหละค่า(55555)
ในห้องเรียนอาจารย์จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งไม่มีถูกมีผิดและอาจารย์ไม่เคยตำหนิความเห็นของใครเลย เราเองซึ่งขี้อายเลยไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้แต่ฟังเพื่อนกับอาจารย์ discuss กันเงียบๆ นอกจากนี้ การเรียนวิชาโทภาษาอังกฤษเหมือนจะบังคับให้เราต้องฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มทักษะให้ตัวเองและเป็นผลดีกับการเรียนด้วย อย่างบางวิชาที่ต้องเรียนกับอาจารย์ที่เป็น Native speaker แรกๆ เราจะฟังไม่ทันและเรียนไม่รู้เรื่อง เราเลยต้องฝึกฟังจากหนัง หรือฟังเพลง เพื่อให้เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งจะบอกว่าการดูหนังฟังเพลงมันช่วยได้มากจริงๆ แถมยังสนุกด้วย หรือบางวิชาที่ต้องออกไปพูดหน้าชั้นเรียน เราก็จะฝึกอ่านสิ่งที่ต้องพูดหลายๆ รอบ ฝึกการออกเสียงคำศัพท์ที่ยากๆ เพื่อให้เราสามารถพูดได้ถูกต้องมากที่สุด
สี่ปีที่ทับแก้ว เพิ่มพูนความรู้ ความผูกพัน และน้ำหนัก!
ขอ pause part การเรียนการสอนไว้ตรงนี้ พูดเรื่องมีสาระมาเยอะแล้วขอ skip ไปเรื่องไร้สาระบ้าง สี่ปีที่ผ่านมานอกจากจะเรียนเยอะแล้วก็ยังกินเยอะด้วย เพราะของอร่อยที่นี่เยอะมากกกกกกก แล้วก็ถูกมากด้วย อย่างตอนเย็น ในม.จะมีตลาดเล็กๆ ชื่อว่า ตลาดอินดี้ (จนเรียนจบมาแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้ง) ซึ่งตลาดนี้ก็จะขายของกินแบบ full option มีของกินแทบจะทุกอย่างจริงๆ ไม่รู้จะกินอะไรก็ต้องมาที่นี่ นั่งกินนั่งคุยกับเพื่อน ส่องนักบาส นักบอลบ้างบางครั้ง แหะๆ ระหว่างกินก็จะมีเพลงเพราะๆ เปิดให้ฟังอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการกินที่แฮปปี้จริงๆ พูดแล้วก็คิดถึง อยากกลับไปนั่งเล่นอีก ฮืออ
นอกจากของกินในม.แล้ว รอบๆมอก็ยังมีร้านขายของกินมากมายไปหมด ก็คือเป็นสี่ปีที่ไม่คิดแปลกใจว่าทำไมน้ำหนักขึ้น y____y พอจบแล้วก็คิดถึงที่นั่นมากจริงๆ ฮอกวอตส์ไม่ใช่สถานที่แต่เป็นผู้คน ศิลปากรก็เหมือนกัน! ตอนปีหนึ่งเราไม่เคยคิดว่าเราจะผูกพันกับมหาวิทยาลัยนี้ คณะนี้ อาจารย์ที่นี่หรือเพื่อนที่นี่ด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้คิดถึงทุกอย่างมากๆ เราได้เจออาจารย์ดีๆ เพื่อนดีๆที่นี่ ได้ทำกิจกรรมของคณะด้วยกัน ไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะ อ่านหนังสือสอบจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนด้วยกัน เติบโตไปด้วยกัน จะบอกว่า เลือกไม่ผิดจริงๆ ที่เรียนที่นี่ อบอุ่นมาก เพราะอากาศร้อน แฮ่!! 55555555555 ล้อเล่น ที่นี่อบอุ่นจริงๆ เป็นเหมือนกับบ้านหลังใหญ่ที่พร้อมต้อนรับเราเสมอ
สำหรับน้องที่อยากเข้าคณะนี้มหาวิทยาลัยนี้หรือมหาวิทยาลัยไหนก็ตาม ก็ขอให้ตั้งใจอ่านหนังสือ เตรียมตัวให้ดี ดูรายละเอียดกำหนดการการสอบเข้าให้ดี เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดและต้องมาเสียใจเสียดายทีหลัง ขอให้เป็นการเริ่มต้นที่ดีของทุกคนค่า