
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับม.ปลายถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมทักษะการสื่อสารและการเขียนให้แม่นยำยิ่งขึ้น หนึ่งในหัวข้อที่สำคัญและมักทำให้หลายคนสับสนคือการใช้ Adjective Clauses หรือประโยคขยายคำนาม โดยเฉพาะการใช้คำว่า who, whom, that, which ซึ่งเป็นคำที่มักจะพบในข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.ปลาย
ในบทความนี้ Enconcept จะพาไปทำความเข้าใจการใช้ Adjective Clauses สรุปให้น้อง ๆ ข้าใจง่ายพร้อม Adjective Clauses ตัวอย่างประโยค ให้เห็นภาพให้น้อง ๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบและการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ
ติวภาษาอังกฤษพื้นฐาน เรื่องการใช้ Adjective Clauses แบบเข้าใจง่าย
Adjective Clauses หรือที่เรียกกันว่า Relative Clauses คือประโยคที่ทำหน้าที่ขยายความหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามในประโยคหลัก ซึ่งช่วยทำให้ประโยคนั้น ๆ ชัดเจนและมีความหมายมากขึ้น โดยใน Adjective Clause จะมีการใช้ relative pronouns (คำสรรพนามที่เชื่อมประโยค เช่น who, whom, that, which) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในประโยคขยายให้สัมพันธ์กับคำนามในประโยคหลัก ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อหา Grammar ม.ปลายที่ต้องรู้
ทำไมเราต้องใช้ Adjective Clauses?
Adjective Clauses มีประโยชน์ในการช่วยให้เราให้รายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามในประโยค เช่น ถ้าเราต้องการพูดถึงคนหรือสิ่งของบางอย่าง โดยต้องการระบุลักษณะหรือคุณสมบัติเพิ่มเติม เราก็จะใช้ Adjective Clauses เพื่อให้ประโยคนั้นชัดเจนขึ้น
ประเภทของ Adjective Clauses
- Subject Pattern Clauses
ในกรณีนี้ relative pronoun จะทำหน้าที่เป็นประธาน (subject) ของประโยคขยาย- The man who talked to us was very friendly. (ชายที่คุยกับเรานั้นใจดีมาก)
- Object Pattern Clauses
ในกรณีนี้ relative pronoun จะทำหน้าที่เป็นกรรม (object) ของประโยคขยาย- The book that I read is interesting. (หนังสือที่ฉันอ่านน่าสนใจมาก)
- Possessive Pattern Clauses
ในกรณีนี้ relative pronoun ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ- The people whose names are on the list will be interviewed. (ผู้คนที่ชื่อของพวกเขาอยู่ในรายการจะถูกสัมภาษณ์)
Adjective Clauses ตัวอย่างประโยค
- Who ใช้กับคน
- I know a person who can help you. (ฉันรู้จักคนที่สามารถช่วยคุณได้)
- She is the teacher who taught me English. (เธอคือคุณครูที่สอนภาษาอังกฤษให้ฉัน)
- Which และ That ใช้กับสิ่งของ
- This is the book which I borrowed from the library. (นี่คือหนังสือที่ฉันยืมจากห้องสมุด)
- I love the car that is parked outside. (ฉันชอบรถที่จอดอยู่ข้างนอก)
- Whose ใช้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
- I met a girl whose father is a doctor. (ฉันเจอเด็กหญิงคนหนึ่งที่พ่อของเธอเป็นหมอ)
- The man whose house was damaged is my neighbor. (ชายคนที่บ้านของเขาได้รับความเสียหายคือเพื่อนบ้านของฉัน)
- Whom ใช้กับคนที่เป็น object ของคำในประโยคขยาย
- This is the man whom I met yesterday.(นี่คือผู้ชายที่ฉันพบเมื่อวาน)
- The woman whom you spoke to is my aunt.(ผู้หญิงที่คุณพูดด้วยคือป้าของฉัน)
- The person whom I admire most is my teacher.(คนที่ฉันเคารพมากที่สุดคือติวเตอร์ของฉัน)
- That ใช้กับคน
- I know a person that can help you. (ฉันรู้จักคนที่สามารถช่วยคุณได้)
- The man that works at the store is very helpful.(ชายที่ทำงานที่ร้านนั้นใจดีมาก)
- This is the teacher that I met yesterday.(นี่คือคุณครูที่ฉันพบเมื่อวานนี้)
- The friend that I traveled with last summer is moving abroad.(เพื่อนที่ฉันไปเที่ยวด้วยเมื่อฤดูร้อนที่แล้วกำลังจะย้ายไปต่างประเทศ)
ข้อควรระวังในการใช้ Adjective Clauses
1. อย่าสับสนระหว่าง “who” และ “whom”
คำว่า who และ whom มักทำให้ผู้เรียนสับสน โดยเฉพาะในกรณีที่ who มักถูกใช้แทน whom ในการพูดหรือเขียนที่ไม่เป็นทางการ
Who มักใช้ในรูปประโยคที่เป็นทางการหรือเมื่อเราต้องการให้ประโยคนั้นดูเป็นทางการขึ้น
เช่น She is the woman who inspired me. (เธอคือผู้หญิงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉัน)
That สามารถใช้แทน who ในการพูดไม่เป็นทางการ หรือเมื่อเราต้องการให้ประโยคกระชับขึ้น
เช่น She is the woman that inspired me. (เธอคือผู้หญิงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉัน)
ตัวอย่างที่ถูกต้อง:
- Bob is the person who is talking. (บ็อบคือคนที่กำลังพูด)
- Bob is the person whom we were listening to. (บ็อบคือคนที่เรากำลังฟัง) (formal)
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง:
- Bob is the person whom is talking to us. (ผิด)
- Bob is the person who we were listening to. (ผิดในรูปแบบทางการ)
2. ระวังการจัดลำดับคำ (Word Order)
การจัดลำดับคำใน Adjective Clauses ที่มีคำขยายหรือคำอธิบายเพิ่มเติมหลายคำอาจทำให้เกิดความสับสน คำขยายหรือประโยคขยายต้องตามหลังคำนามที่มันขยายทันที มิฉะนั้นจะทำให้ประโยคดูไม่ชัดเจน
ตัวอย่างที่สับสน:
- Judy is the girl who has blond hair who is standing beside Bill. (สับสน)
- Judy is the girl with blond hair who is standing beside Bill. (สับสน)
วิธีที่ถูกต้อง:
- Judy is the blond-haired girl who is standing beside Bill. (ชัดเจน)
3. อย่าใช้ทั้ง personal pronouns และ relative pronouns ในการอ้างถึงคำนามเดียวกัน
อย่าใช้ personal pronouns (เช่น he, she, it) และ relative pronouns (เช่น who, whom) อ้างถึงคำนามเดียวกันในประโยคขยาย
ข้อผิดพลาด:
- Bob is the person who he was talking to me at the baseball game. (ผิด)
- Bob is the person who(m) I was talking to him at the baseball game. (ผิด)
วิธีที่ถูกต้อง:
- Bob is the person who was talking to me at the baseball game. (ถูกต้อง)
4. อย่าสับสนระหว่าง “whose” กับ “who’s” หรือ “who he/she is”
คำว่า whose เป็น possessive relative pronoun (สรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ) ซึ่งมีความหมายต่างจากคำว่า who’s หรือ who he/she is
ข้อผิดพลาด:
- Judy is the one who’s car was stolen last night. (ผิด)
- Judy is the one who her car was stolen last night. (ผิด)
วิธีที่ถูกต้อง:
- Judy is the one whose car was stolen last night. (ถูกต้อง)
5. อย่าใช้ who หลัง prepositions (คำบุพบท)
เมื่อใช้ relative pronouns หลังจาก prepositions ในประโยคขยาย น้อง ๆ จะต้องใช้ whom แทน who เพราะ who เป็น subject form (รูปประธาน)
ข้อผิดพลาด:
- Bob is the person to who I gave the report. (ผิด)
- Is Julie the person by who the report was written? (ผิด)
วิธีที่ถูกต้อง:
- Bob is the person to whom I gave the report. (ถูกต้อง)
- Is Julie the person by whom the report was written? (ถูกต้อง)
ในกรณีที่เป็นการพูดหรือเขียนที่ไม่เป็นทางการ who มักถูกใช้แทน whom:
- Bob is the person who I gave the report to. (ใช้ในที่ไม่เป็นทางการ)
6. อย่าใช้ where หรือ when กับ prepositions (คำบุพบท)
ใน Adjective Clauses เมื่อใช้ where หรือ when เป็น relative pronouns (คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค) จะไม่ใช้คำบุพบทร่วมด้วย ควรใช้ which แทน
ข้อผิดพลาด:
- That’s the room in where I have class. (ผิด)
- Is this the city in where you were born? (ผิด)
- Tomorrow is the day on when he has his job interview. (ผิด)
วิธีที่ถูกต้อง:
- That’s the room where I have class. (ถูกต้อง)
- Is this the city where you were born? (ถูกต้อง)
- Tomorrow is the day when he has his job interview. (ถูกต้อง)
เรียนภาษาอังกฤษ ม.ปลาย ที่ไหนดี?

การเลือกเรียนภาษาอังกฤษในระดับ ม.ปลาย ควรเลือกที่ๆ มีคอร์สเรียนหลากหลาย เหมาะกับน้อง ๆ ที่มีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ควรจะมีทั้งคอร์สเรียนที่มุ่งเน้นการปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ม.ปลาย เรียนเนื้อหาและติวภาษาอังกฤษพื้นฐานเพื่อใช้ในการสอบ เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษ มัธยมปลายของน้อง ๆ นั้นมีความรู้พื้นฐานครบจนสามารถสอบแข่งขันได้
คอร์สปรับพื้นฐาน Grammar & Error ม.ปลาย
คอร์สที่น้อง ม.ปลาย จะไม่ได้รับเพียงแค่เทคนิคการทำพาร์ต Tense เท่านั้น แต่น้อง ๆ ยังได้เทคนิคการทำพาร์ต Error และยังมีพาร์ตอื่น ๆ ที่จะช่วยทำความเข้าใจใน grammar ให้ละเอียด เข้าใจทุกพาร์ต ไม่ปล่อยผ่านให้งง พร้อมลงทุกสนามสอบ
คอร์ส ปรับพื้นฐาน Vocab + Reading ม.ปลาย
ปรับให้เก่ง! ปูให้พร้อม! ทั้ง Vocab และ Reading
เหมาะสำหรับนักเรียนที่พื้นฐานคำศัพท์และการอ่านค่อนข้างอ่อน ในคอร์สนี้จะเป็นการเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียน Vocab และ Reading ตั้งแต่พื้้นฐานแบบค่อยเป็นค่อยไป เรียนการวิเคราะห์ประโยค, การเดาคำศัพท์จากบริบท, เทคนิคการทำข้อสอบ Reading และ Conversation พร้อมทำแบบฝึกหัดซึ่งดึงมาจากข้อสอบจริง
คอร์ส Pack Ultimate Grammar & Error ม.ปลาย
เรียนไวยากรณ์ครบทุกเรื่อง เชื่อมโยงเป็นแผนภาพ Tree Tactics ฝึกเทคนิคทำโจทย์ Grammar + Error พร้อม Premium Exercise กว่า 2,000 ข้อ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ม.ปลายที่อยากรู้ Grammar แบบเจาะลึก จบ ครบ ในคอร์สเดียว
คอร์ส Ultimate Vocab + Reading ม.ปลาย
อัดแน่นด้วยเทคนิค Reading ลงรากลึก Vocab Tree เหมาะสำหรับนักเรียนม.ปลาย ที่ต้องการเพิ่มคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษและเรียนรู้เทคนิคการอ่านบทความภาษาอังกฤษ คอร์สนี้จะช่วยสร้างทักษะในการต่อยอดการเรียนในระดับที่สูงขึ้น เพิ่มศัพท์ ม.ปลาย ผ่านเทคนิคเฉพาะของ Enconcept เช่น เทคนิควิเคราะห์ภาพรวมโจทย์จาก Vocab Tree, เทคนิคการทำ Conversation ด้วย ‘3S’ Strategies, รู้จักกับข้อสอบ Vocab ประเภทต่าง ๆ เช่น Synonym, Antonym, Collocation, Odd One Out, Polysemy, Analogy พร้อมทำแบบฝึกหัดที่จะช่วยติวข้อสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความยากกำลังพอดีสำหรับน้อง ม.ปลาย